ระบบระบายน้ำสนามฟุตบอลที่ดี
ระบบระบายน้ำสนามฟุตบอลที่ดี
ถ้าเราพูดถึงตัวสนามฟุตบอลหญ้าเทียมที่ดี มีองค์ประกอบ 5 ส่วนที่สำคัญด้วยกันคือ
- ใบหญ้า
- ความแข็งแรงของการทอ
- คุณภาพของ Infill
- ระบบพื้นสนาม
- ระบบระบายน้ำและรวบรวมน้ำใต้ดิน
ในตอนนี้จะขออธิบายถึง ระบบระบายน้ำสนามฟุตบอล และรวบรวมน้ำใต้ดิน เนื่องจากหลายๆ ท่านที่กำลังสนใจทำสนามหรือทำไปแล้วมักไม่เข้าใจอาจจะด้วยเหตุที่อยู่ในชั้นดินใต้พื้นทำให้มองไม่เห็นและเข้าใจยาก และบางท่านอาจจะคิดหรือถูกทำให้เชื่อว่าไม่จำเป็นนัก ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดๆ เพราะเรื่องการระบายน้ำน้ำเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากไม่แพ้ส่วนอื่นๆ เลย ระบบระบายน้ำสนามฟุตบอลและการรวบรวมน้ำที่ดีเกิดขึ้นจากส่วนใดบ้าง ลองมาศึกษาข้อมูลนี้กันดู
- รูระบายน้ำหลังพื้นหญ้าเทียม โดยมาตรฐานของการเจาะรูระบายน้ำหลังพื้นหญ้าเทียม ตามข้อกำหนดของสมาพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ FIFA กำหนดไว้ว่ารูระบายน้ำด้านหลังต้องสามารถระบายน้ำได้ตามอัตรา 180mm/h ส่วนของหญ้าเทียมกรีนนี่กราส รุ่นพิเศษระบาน้ำไวมีอัตราการระบายน้ำอยู่ที่ 17,000 - 24,000 mm./hr.
- การปรับระดับพื้นผิวสนาม (ความลาดเอียง) กรณีสนามกลางแจ้ง (outdoor) แม้จะดูว่าเอียงเพียงน้อยนิดแต่ก็มีผลกับ ระบบระบายน้ำสนามฟุตบอล ควรมีการปรับระดับความลาดเอียงเพื่อช่วยระบายน้ำบนพื้นผิวด้านบน ซึ่งมีมากถึง 70% ของปริมาณน้ำฝนรวม โดยทาง FIFA ได้กำหนดอัตราส่วนไว้ที่ 1:500 (สำหรับสนาม 11 คน) ส่วนสนามทั่วไปที่ขนาด 5-7 คนนั้น ควรใช้อัตราส่วนที่ 1:200 (สำหรับพื้นคอนกรีต) และ 1:250 (สำหรับพื้นบดอัด พร้อมท่อระบายน้ำ)
- ระบบระบายน้ำใต้พื้นสนามฟุตบอล (ระบบท่อเจาะรูพรุนหรือ Perforated Pipe) เป็นการวางแนวท่อสำหรับรวบรวมน้ำที่ซึมผ่านลงมายังใต้พื้นสนาม โดยท่อ Perforated Pipe จะมีลักษณะเป็นลอน ทำให้รองรับแรงกดทับได้ดี และท่อจะมีรูพรุนรอบเพื่อรับน้ำจากชั้นหินและรวบรวมสู่ท่อหลักไหลออกนอกสนาม โดยแนววางท่อจะกำหนดตามแนวความยาวและปรับความลาดเอียงที่ 1:200 โดยท่อควรเป็นขนาดไม่น้อยกว่า 4นิ้ว และท่อเมนไม่น้อยกว่า 6นิ้ว
- ท่อระบายน้ำด้านข้างขอบสนาม เพื่อช่วยระบายน้ำที่สะสมอยู่ในชั้น infill ของสนามซึ่งต้องมีการเจาะท่อและวางแผ่นกรอง (Geotextile) เพื่อให้น้ำไหลออกจากสนามได้รวดเร็วขึ้น และกันไม่ให้ชั้น infill ไหลออกมาด้วย
